สถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนืออำเภอปัว

สถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือ

ไปเที่ยวอำเภอปัว น่าน ในอดีตบางคนนี่แทบไม่รู้จักเมืองนี้เลย เพราะปกติพูดถึงน่านจะนึกถึง  ดอยเสมอดาว  เที่ยวในตัวเมืองน่าน บ่อเกลือ อช. ขุนสถาน ดอยภูคา  แทบไม่มีใครนึกถึงปัว แต่ในปัจจุบันหลังจากที่มีภาพความสวยงามและเป็นธรรมชาติของอำเภอนี้ปรากฎในสื่อออนไลน์มากขึ้น กลายเป็นว่าใครๆ ก็อยากไปเที่ยวปัว  เพราะอำเภอนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก วิวสวย อากาศดี ผู้คนน่ารัก มีที่เที่ยวมากมาย แล้วจะพลาดได้อย่างไร 
อำเภอปัว
ปัว อำเภอนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก วิวสวยแจ่ม อากาศดี  ผู้คนน่ารัก มีที่เที่ยวมากมาย  ทั้งที่เที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอาราม  ปัวเป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเที่ยวหน้าหนาวดีกว่าอากาศหนาวเย็นสบาย  แต่ถ้าอยากเห็นเมืองปัวในแบบที่สวยที่สุดควรมาหน้าฝนช่วงฤดูทำนาตั้งแต่กลางเดือน กย – ตค   คือ ถ้ามาหน้าหนาวก็จะได้แค่อากาศหนาวไม่ได้วิวทุ่งนาเขียวขจีเต็มเมือง ซึ่งเรามองว่าวิวทุ่งนาและเขาเขียวขจีเป็นจุดเด่นอีกอย่างของเมืองนี้ พื้นที่ของอำเภอปัวเกือบทั้งเมืองประชากรประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ตลอดสองข้างเต็มไปด้วยแปลงคันนา
ช่วงเวลาท่องเที่ยวที่เหมาะสม   เที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ฤดูที่น่าเที่ยวที่สุดคือ  ฤดูฝนในช่วงทำนาข้าว เดือนก.ย.-ต.ค.
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อำเภอปัว
ที่มา:https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%A7&rlz=1C1NJBG_enTH531TH533&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwjvv7z64NzcAhUR448KHRNfBb8Q_AUICygC&biw=1366&bih=662#imgrc=CqGQlWP6t6pPZM:
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อำเภอปัว
ที่มา:https://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%A7&rlz=1C1NJBG_enTH531TH533&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwjvv7z64NzcAhUR448KHRNfBb8Q_AUICygC&biw=1366&bih=662#imgrc=SqEVQnyW2pr47M:



ประวัติเมืองปัว(โดยย่อ) สรุปโดย หนุ่มเทศบาลปัว
ตามตำนานเมืองน่าน และพงศาวดารเมืองน่านได้บันทึกไว้ พระยาภูคาผู้ครองเมืองย่าง ( ตำบลศิลาเพชร ) อำเภอปัว มีบุตรบุญธรรมสององค์ องค์พี่ชื่อ “ ขุนนุ่น ” องค์น้องชื่อ “ ขุนฟอง ” เมื่อขุนนุ่นอายุได้ 18 ปี ขุนฟองอายุได้ 16 ปี ทั้งสองจึงไปหาเถรแต๋ง ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ เพื่อใช้ช่วยสร้างบ้านแบ่งเมืองให้ เถรแต๋งจึงให้ขุนนุ่นไปครองเมืองจันทรบุรี ( เมืองหลวงพระบาง ) ให้ขุนฟองครองเมืองวรนคร ( เมืองปัว ) เมื่อขุนฟองพิราลัย พระยาเก้าเกื่อนผู้ครองเมือง ต่อมาพระยาเก้าเกื่อนมีมเหสีชื่อ พระนางคำปิน มีโอรสชื่อ “ ขุนไสยศ ” ขณะที่ขุนไสยศประสูติ เกิดความแห้งแล้งพระมารดาจึงอธิฐานขอน้ำฝน น้ำฝนได้ตกลงมาไหลนองพัดเอาหินผามาด้วย จึงชื่อว่าพญาผานอง ต่อมาได้สมรสกับพระนางอั๊วสิม มีโอรส 6 องค์
พญาผานองครองเมืองวรนคร เมื่อ พ.ศ. 1865 ตลอดระยะเวลาที่ครองเมืองวรนคร มีความสุจริต ยุติธรรม เป็นนักรบที่เข้มแข็งและนักปกครองที่ดี เมืองวรนครจึงเจริญรุ่งเรืองมาก ไม่มีเมืองใดกล้ายกทัพมาตี
จนถึง พ.ศ. 1895 รวม 30 ปี ครั้นพิราลัย โอรสองค์โตชื่อ “ พระยาการเมือง ” ได้ครองเมืองวรนคร ครั้นหนึ่งพระยาการเมืองไปกรุงสุโขทัยตอนกลับนำพระธาตุเจ้า 7 องค์มาด้วย และบรรจุไว้ดอยภูเพียงแช่แห้ง ( เมืองน่าน ) ต่อมาพระยาการเมืองต้องการอยู่ใกล้พระธาตุ จึงย้ายเมืองวรนครไปที่เวียงแช่แห้ง มาสร้างที่เมืองนันทบุรี ( เมืองน่านปัจจุบัน )
“ เมืองวรนคร ” เปลี่ยนชื่อเป็น “ เมืองปัว ” ด้วยเหตุผลใด วันเดือนปีใด ไม่มีหลักฐานปรากฎ ต่อมาเมื่อปประกาศ พรบ. ลักษณะการปกครองท้องถิ่น พ.ศ. 2457 เมืองปัวได้ยกฐานะเป็นอำเภอมาจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะที่ตั้ง

อำเภอปัว จัดตั้งเป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ.2457 อยู่ห่างจากตัวจังหวัด 60 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานคร 728 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 1,411.5 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 882,192 ไร่
การปกครอง
อำเภอปัว แบ่งการปกครองออกเป็น 12 ตำบล ดังนี้ ตำบลปัว ตำบลวรนคร ตำบลสถาน ตำบลไชยวัฒนา ตำบลเจดีย์ชัย ตำบลภูคา ตำบลสกาด ตำบลแงง ตำบลศิลาแลง ตำบลศิลาเพชร ตำบลป่ากลาง และตำบลอวน 105 หมู่บ้าน
มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 13 องค์กร
แบ่งเป็น 2 เทศบาล และ 10 องค์การบริหารส่วนตำบล
อาณาเขตติดต่อ

ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอเชียงกลาง และ อำเภอบ่อเกลือ
ทิศใต้ ติดต่อกับ อำเภอสันติสุข
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอบ่อเกลือ
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอท่าวังผา
ลักษณะภูมิประเทศ

เป็นที่ราบสลับเนินเขา ระดับความสูง 200 – 500 เมตร จากระดับน้ำทะเล
– พื้นที่ทั้งหมด 882,192 ไร่ หรือ 1,411.5 ตร.กม.
– พื้นที่ถือครองการเกษตร 120,085 ไร่ หรือ 13.61 %
สภาพภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศ แบ่งเป็น 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน – ฤดูฝน และฤดูหนาว อุณหภูมิทั้งปี
20 0C หรือ 28 0C ในเดือนธันวาคม-มกราคม มีอุณภูมิเฉลี่ย 10 0C ขึ้นไป ฤดูร้อนมีอากาศร้อนจัดในเดือนมีนาคม – เมษายน มีอุณหภูมิเฉลี่ย 37 – 41.7 0C มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,090 มิลลิเมตร ต่อปี


ที่มา:https://puatravels2011.wordpress.com/%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%A7/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%A7/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือทุ่งเสลี่ยม

สถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี

สถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือวัดท่าซุง